โอเล่คือ ใคร?

อินไซด์ ยูไนเต็ด ได้จับประเด็นของวิถีชีวิต และช่วงเวลาที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ได้ใช้ร่วมกับทีม การสำนึกในบุญคุณของ 11 ปีที่รุ่งโรจน์ และ 126 ประตูของเขากับแมนฯ ยูไนเต็ด
“โอเล่คือ ใคร?”
เสียงโทรศัพท์ที่น่าตกใจมาถึง เอจ ฮาไรเด้ นายใหญ่แห่งทีมโมลด์ ผู้ซึ่งรู้ว่า โอเล่ โซลชาร์ นั้นเก่งกาจเพียงใด ซึ่งมาจากผู้จัดการทีมผู้ยิ่งใหญ่จากเกาะอังกฤษ โดย ฮาไรเด้ เล่าว่า “เซอร์ อเล็กซ์ โทรมาหาผมหลายครั้งมาก เขาถามความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับนักเตะในนอร์เวย์”
“เขารู้ว่าผมรู้จักบอลอังกฤษ และเขาก็ต้องการมุมมองที่ผมมีต่อนักเตะที่ไว้ใจได้ และหนทางที่พวกเขาจะก้าวไปในฟุตบอลอังกฤษ แล้วในที่สุด (กรกฎาคม 1996) วันที่เขาโทรมาถามถึงนักเตะคนหนึ่งในทีมของผมก็มาถึง เซอร์ อเล็กซ์ ถามถึงโอเล่ กุนนาร์ ผมรู้ว่าพวกเราจะต้องคิดถึงเขามากๆ แต่เราก็คงจะขัดขวางเขาไม่ได้ หากเขากำลังจะไปเล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมบอกกับเซอร์ อเล็กซ์ ว่า ‘คุณต้องเซ็นสัญญากับเขานะ’ แล้วเขาก็เซ็น แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ตัวเขาไปด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ ผมว่าเขายังติดเงินผมอยู่หน่อยถ้าพิจารณาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ไป”
ครั้งแรก และครั้งสุดท้าย
สำหรับโอเล่ และ แมนฯ ยูไนเต็ด มันเหมือนเป็นรักแรกพบ มีบ่วงเล็กๆ คล้องรอบตัวเขาอยู่ แต่พอไม่นานมันก็จางหายไป สัญญาณแรกที่บอกเราว่าเราได้ตัวเพชฌฆาตหน้าเด็กมาครอบครองคือเกมที่ เบาวน์ดารี่ พาร์ค ที่ทีมสำรองของแมนฯ ยูไนเต็ด พบกับโอลด์ แฮมส์ โอเล่ทำได้ทั้งสองลูก และเกมจบด้วยชัยชนะ 2-0 หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เขาลงสนามในฐานะตัวสำรองของแมนฯ ยูไนเต็ด และพบกับแบล็คเบิร์น ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และเขาก็ส่งลูกไปตุงตาข่ายได้ในนาทีที่ 64 เขาทำแต้มตีเสมอให้ทีมได้เพียงหกนาทีหลังจากลงสนาม และช่วยรักษาสถิติไม่แพ้ใครในเกมเหย้า 32 เกมรวด โดยเกมจบที่สกอร์ 2-2 และเขาก็ยังคงจำมันได้แม่นยำ “ทั้งสองเกมยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผม” เขากล่าว “มันเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจที่ได้สวมเสื้อปีศาจแดง เป็นครั้งแรก แม้ว่ามันจะเป็นเกมของทีมสำรองก็ตาม แถมยังพิเศษยิ่งขึ้นเมื่อเป็นการทำประตูในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ผมจะเก็บทั้งสองเกมไว้เป็นความทรงจำอันแสนมีค่าของผม”
อย่าทิ้งเราไปแบบนี้…
คุณจะไม่สามารถเป็นดาวยิงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เริ่มฤดูกาลแรกได้โดยปราศจากการมีสโมสรอื่นคอยวนเวียนอยู่รอบๆ คุณเพื่อจะดึงคุณไปเข้าทีมหรอก ในฤดูกาล 1997/98 โอเล่สังกัดอยู่กับบ้านหลังที่ดีที่สุดของยุโรป และสิ่งที่เรากลัวกันมากที่สุดก็เกือบจะกลายเป็นจริง ซึ่งก็น่ายินดีมากที่โอเล่ รู้ถึงความต้องการจริงๆ ของเขา “ผมจำได้ว่าผมคุยกับตัวแทนของผมบ่อยมากเรื่องที่ว่าจะย้ายไป สเปอร์ส และเขาก็บอกผมว่าผมเป็นนักเตะที่ดื้อที่สุดในโลกเลย” เขาเล่าความหลัง “ทั้งสองสโมสรต่างก็ตกลงเรื่องค่าตัวกันได้แล้ว – ผมยังเก็บแฟกซ์ฉบับนั้นไว้ที่บ้านอยู่เลย! ในสถานการณ์แบบนั้นมันสร้างความกดดันได้มาก แต่ผมไม่ได้อยากไป และผู้จัดการก็คอยบอกผมเสมอว่าเขาจะให้โอกาสแก่ผม และเขาก็ทำตามที่พูด มันเป็นความภาคภูมิใจที่ได้เล่นให้กับสโมสรที่ดีที่สุดในประเทศ ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรนี้”
ที่หนึ่งในหมู่ผู้เท่าเทียม
โอเล่ สามารถคว้าแชมป์กับทีมได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก หลังจากย้ายมาได้เพียง 9 เดือนกับการลงเล่น 33 นัด ทำได้ 18 ประตู และไม่เพียงเขาจะเป็นดาวยิงของ แมนฯ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนั้นแล้ว เขาก็ยังได้รับเหรียญแชมป์พรีเมียร์ ลีก เป็นครั้งแรกด้วย “มันเป็นครั้งแรกที่ผมคว้ารางวัลอะไรสักอย่างในการแข่งขันฟุตบอล ถ้าไม่นับการแข่งขันในระดับจังหวัดสำหรับนักเตะอายุไม่เกิน 11 และ 12 ปีนะ” เขากล่าว “วันอังคารนั้นมันเป็นวันที่วิเศษจริงๆ ตอนนั้นผมนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ กำลังดูเกมที่ เวสต์แฮม แข่งกับนิวคาสเซิล แล้วก็ วิมเบิลดันพบกับลิเวอร์พูล ตอนนั้น รอนนี่ (ยอห์นเซ่น) โทรมาหาผมหลังเสียงนกหวีดจบเกม แล้วเราก็ยืนตะโกนใส่กันอย่างกับคนบ้า มันเหลือเชื่อจริงๆ ผมอยากจะรู้สึกแบบนั้นอีก” และแล้วเด็กน้อยผู้นี้ได้รับมันอีก ใช่หรือไม่…
เก็บอีกหนึ่งเพื่อทีม
เพียงสี่เกมที่เหลือในฤดูกาล 1997/98 ชัยชนะของ แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือ นิวคาสเซิล ก็ยิ่งใหญ่มากเมื่อคิดว่าจะสามารถเขี่ย อาร์เซนอล ให้พ้นทางได้ แฟนๆ ส่วนใหญ่ยังคงจดจำเกมนั้นได้ – การตีเสมอ 1-1 อันแสนยากเย็น – ว่าเป็นจังหวะที่ดาวรุ่งของเราได้ลงสนามหลังจากต้องนั่งรออยู่ที่ม้านั่ง แต่ก็เป็นเกมที่ดุเดือดติดเรทเอ็กซ์ ยิ่งเข้าใกล้จังหวะยิงประตูเก็บชัยชนะที่แสนหวาดเสียว การพยายามยิงประตูของโอเล่ ผ่านเชย์ กิฟเว่น มาได้ ก่อนจะถูกสกัดในแนวเดียวกันโดยนิคอส ดาบิซาส จากนั้นร็อบ ลี ก็ช่วยพลิกสถานการณ์ให้กับ นิวคาสเซิล ในช่วงท้าย จนเกือบจะคว้าประตูชัยให้นิวคาสเซิ่ล และช่วยหยิบยื่นถ้วยแชมป์ใส่พานให้กับอาร์เซน่อล แต่โอเล่ก็ตัดสินใจขับฝีเท้าแบบ “ใส่เกียร์สุนัข” เข้าขวางจนทำให้ลีต้องออกจากเกม ด้วยการเข้าชาร์จอย่างรุนแรง ถึงแม้มันจะไม่ตรงกับคาแร็กเตอร์ของเขา แต่ช่วงเวลาที่สิ้นหวังก็นำพามาซึ่งการกระทำที่สิ้นหวังเช่นกัน เมื่อ ยูรายห์ เรนนี่ ควักใบแดงจ่ายให้เขา กล้องจากสถานีโทรทัศน์จับภาพ โอเล่ ขณะที่เขากล่าวคำว่า “ผมจำเป็นต้องทำ” ต่อ เดวิด เบ็คแฮม เขารู้ว่าการท้าทายครั้งนี้ของเขาทำไปเพื่อคว้าโอกาสให้กับทีม เพื่อไล่ตาม อาร์เซน่อล และต้องรักษาถ้วยแชมป์ และเราก็ไม่เคยลืมมันเลย
ย้อนความหลังฤดูหนาวปี 99
“การยิงประตูลิเวอร์พูล เป็นความฝันของผม ผมฝันไว้ว่าจะเอาชนะด้วยสกอร์ 1-0 ในนาทีที่ 90 ณ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด” ความฝันของโอเล่กลายเป็นความจริงแล้ว – แม้ว่าแต้มจะต่างไปนิดหน่อย – ในบ่ายวันหนึ่งในเดือนมกราคม 1999 อันน่าประทับใจ เป็นฤดูกาลที่พวกเขาคว้าได้สามถ้วยรวด ลิเวอร์พูลทำประตูนำไปก่อน 1-0 ด้วยการยิงของไมเคิล โอเว่น และแม้ว่าจะสู้กันจนเหนื่อยหอบ แต่เราก็ไม่สามารถล้มเจ้าบ้านลงได้ เมื่อลิเวอร์พูลเริ่มรู้สึกว่าจะฉลองความสำเร็จกันมากขึ้นเรื่อยๆ และเหลือเวลาเพียงสองนาที ดไวท์ ยอร์ค ก็ช่วยทำประตูตีเสมอ ประสาทที่ตึงเครียดเริ่มผ่อนคลาย ความเงียบจางหายไป เกิดความโกลาหลขึ้นทุกหนทุกแห่ง เมื่อถึงนาทีที่ 90 โอเล่ โฉบลูกโจมตีเพื่อคว้าชัยในตอนท้ายสุด – เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขามอบยาบำรุงกำลังขนานใหญ่ให้กับทุกๆ คน เขาช่วยให้ทีมย้ำแค้น และเป็นการกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีนับตั้งแต่สมัยของแมทท์ บัสบี้ และทีมชุดปี 68
สี่ประตูเกินขัดขวาง
ทุกวันนี้ การทำแฮททริคเป็นเรื่องที่ยากพอๆ กับการหาผู้จัดการทีมประจำเมืองที่อยู่กับทีมนานๆ แต่โอเล่ก็สามารถทำให้มันกลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย ในเกมที่พบกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสท์ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1999 เขาลงมีดประหารเป็นแบบอย่างอย่างที่คุณจะได้รู้ เขาไม่เพียงแต่ยิงได้สี่ประตูแถมยังทำในช่วง 19 นาทีที่เขาได้ลงเล่นเสียด้วย “ดีที่ทีมไม่ส่งเขาลงสนามเร็วกว่านี้” รอน แอทคินสัน ผู้จัดการทีมฟอเรสท์ รำพึงให้เราฟัง โอเล่วาดลวดลายอย่างไม่แยแสใคร แถมยังดูเขินหน่อยๆ สกอร์ 8 ต่อ 1 – ใช่ 8 ต่อ 1 – เป็นสกอร์พรีเมียร์ชิพที่ทิ้งห่างที่สุด
ประตูสำคัญที่ นู แคมป์
ขณะที่พวกเราที่เหลือต่างก็วิตกกังวล นั่งกัดเล็บพลางคิดว่าเรายังเหลืออะไรบ้าง โอเล่ยังคงมีสายตาที่สงบนิ่ง ขณะที่เจอศึกหนักหนาสาหัสที่ นู แคมป์ เขาตระหนักถึงความเป็นจริงอยู่เสมอ อย่างที่คุณก็รู้ “มันอธิบายยากครับ มันก็เป็นแค่ความรู้สึกหนึ่ง” เขาพูดถึงความรู้สึกถึงความไม่มั่นคงเมื่อไคลแม็กซ์ของการคว้าสามถ้วยมาถึง “มันอาจจะเป็นการมองโลกในแง่ดี คุณต้องนึกภาพว่าตัวเองทำประตูได้ มันก็อาจจะแค่นี้เอง แต่มันก็อาจจะเป็นความรู้สึกที่มากกว่านั้นหน่อย ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ยิงประตูเหรอ? คุณแค่ต้องลงมือทำ สั่งบอลให้ไปอย่างที่คุณต้องการ มีโอกาสตั้งมากที่มันจะตรงกรอบ และไม่ถูกผู้รักษาประตูเซฟไว้ที่เสาไกล ก็ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่จะทำให้ทุกอย่างมันไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ถ้าเกมมันต้องตัดสินกันแบบนี้ แต่มันก็เป็นสัญชาตญาณน่ะครับ” ฟังดูเหมือนเป็นสัญชาตญาณของนักฆ่าเลยทีเดียว
Opal

2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC

Related Posts

Dom